เมื่อเวลา 06.00 น.วันที่ 17 ส.ค.57 ศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุยบุรี ได้รับแจ้งเหตุพบศพผู้เสียชีวิต นอนตายริมถนนคันคลองชลประทาน บ้านในชุก หมู่ที่ 7 ต.กุยบุรี อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงแจ้งให้ พ.ต.ท.คมสันต์ มาศิริ หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.กุยบุรี ทราบ จากนั้นพร้อมด้วย พ.ต.อ.กันตพิชญ์ กฤตวงศ์วิมาน ผกก.สภ.กุยบุรี พ.ต.อ.วิรัช ทองไทย หัวหน้าสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.ท.อำพล อมรรัตน์ปรีชา รอง ผกก.สืบสวน พ.ต.ท.อนันต์ อยู่ปราณ สว.ป.และ ร.ต.ท.ปราโมทย์ ไกรเนตร รอง สว.ป. และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย เดินทางไปที่เกิดเหตุ
พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า GZ1 110 สีฟ้า หมายเลขทะเบียน กบต.6 ชัยนาท จอดอยู่ห่างจากถนนคันคลองชลประทานฝั่งซ้ายประมาณ 5 เมตร ใกล้กันพบศพ นายศีลวัต หรือเบิร์ด อรุณศิริโรจน์ อายุ 40 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ในสภาพ นอนหงายอยู่บนพื้นหญ้า บริเวณศีรษะ มีรอยกระสุนปืนเข้าที่ขมับด้านซ้าย ทะลุขวา ข้างเอวใกล้มือซ้ายพบอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม.ยี่ห้อสมิตแอนเวสสัน ขึ้นลำค้างไว้ มีกระสุนปืนคาอยู่ในรังเพลิง 1 นัด และอยู่ในแม็กกาซีน 5 นัด ตรวจค้นในตัวพบลูกกระสุนปืนขนาดเดียวกันอยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหน้าข้างซ้ายอีก 9 นัด ที่คอยังสวมใส่สร้อยทองหนัก 1 บาทพร้อมพระเลี่ยมทอง 1 องค์ และ โทรศัพท์มือถือที่เหน็บอยู่ที่เอว 1 เครื่อง

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายพนม เจ้าของไร่ที่อยู่ปากทางที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า ในช่วงเช้า ตนได้เดินทางมาจากบ้านเพื่อจะไปดูสวนมะพร้าว เมื่อมาถึงปากทางเข้าสวนได้พบรถจักรยานยนต์จอดอยู่ 1 คัน และมีคนนอนอยู่ จึงเดินเข้าไปดู เห็นมีรอยเลือดอยู่ที่ศีรษะ จึงรีบแจ้งหน่วยกู้ภัยทราบ และเฝ้าดูอยู่ในที่เกิดเหตุจนเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบ ซึ่งบริเวณดังกล่าว เคยมีวัยรุ่นเข้าไปยิงปืนเล่นในช่วงกลางคืน แต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ชาวบ้านในบริเวณนั้นไม่มีใครไม่ได้ยินเสียงปืนแต่อย่างใด
ด้านนางศิริกุล แม่ของนายศีลวัต เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาลูกชายเกิดอาการจิตหลอน โดยบอกว่า ตนเองถูกฝังชิปอยู่ในสมองทำให้ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จึงได้ยึดอาวุธปืนที่ลูกพกพาติดตัวไว้ เพื่อป้องกันเหตุ และได้พาไปบวชที่วัดเขาแดง ต.เขาแดง อ.กุยบุรี แต่บวชแล้วก็ยังไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ จึงให้สึกออกมาและพาไปพบแพทย์ทั้งที่กรุงเทพฯและ หัวหิน ซึ่งแพทย์ได้ระบุว่า มีอาการทางจิตและได้ให้ยากลับมาทาน แต่นายเบิร์ด ไม่ยอมทาน อ้างแต่เพียงว่า ตนเองไม่เป็นอะไร เพียงแต่ควบคุมตัวเองไม่ได้เพราะถูกฝังชิปไว้ที่สมองเท่านั้น
ก่อนวันเกิดเหตุ ลูกชายมาขอปืนโดยบอกว่า จะไปเที่ยวที่วัด เอาไว้ป้องกันตัว และเมื่อเวลา 20.00 น. ของคืนดังกล่าว มีเพื่อนเห็นว่าลูกชายไปนอนอยู่ที่เปลในวัดอู่ตะเภากุยบุรี ตนก็ไม่ได้เอะใจ แต่เมื่อรุ่งเช้าตำรวจโทรแจ้งว่า บุตรชายเสียชีวิตแล้ว จึงเดินทางมาดู ซึ่งโดยส่วนตัวเชื่อว่าบุตรชายคงเครียดยิงตัวตายเองเพราะคงควบคุมตัวเองไม่ได้ บอกให้กินยาก็ปฎิเสธไม่ยอมกิน
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุและนำศพส่ง รพ.กุยบุรี เพื่อให้แพทย์ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
.....................................
ทีมา : http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd09ESTBOalEzTnc9PQ%3D%3D