
ที่เกิดเหตุพบม้าทรงใส่ชุดสีแดง ใช้อาวุธดาบซามูไรแทงแก้ม แต่ไม่สามารถดึงหรือหมุนออกจากกระพุงแก้มได้ ประกอบกับส่วนคมของดาบเฉือนหรือบาดเส้นเลือดใหญ่ที่กระพุงแก้มจนเสียเลือด มาก เจ้าหน้าที่ได้นำเลื่อยตัดด้ามของดาบซามูไรออก เพื่อดึงส่วนที่เหลือออกจากกระพุงแก้ม โดยใช้เวลาราว 10 นาที จึงสามารถนำดาบซามูไรที่เหลือออกได้ ก่อนหามส่ง รพ.วชิระภูเก็ต เพื่อให้แพทย์เย็บแก้มที่ฉีกขาด
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีม้าทรงของศาลเจ้าได้รับบาดเจ็บในลักษะเดียวกันหลายรายตลอดเส้นทาง เนื่อง จากใช้อาวุธเกินความเป็นจริงที่ร่างกายมนุษย์จะรับความหนักหรือความคมของ อาวุธนั้นๆ ได้ เช่น ดาบซามูไร โซ่ กิ่งไม้ ขวาน ร่ม เป็นต้น ซึ่งเป็นอาวุธที่อยู่นอกเหนือจากตำนาน เพื่อแสดงอภินิหารหรืออวดศักดา
และเนื่องจากม้าทรงต้องเดินเท้าแห่ไปรอบเมืองภูเก็ตที่มีระยะทางไม่ต่ำ กว่า 7 กม. ประกอบกับอากาศที่ร้อนจัด ทำให้คมของอาวุธต่างๆ ที่ใช้ทรมานร่างกายบาดหรือเฉือนกระพุ้งแก้มจนทำเกิดบาดแผลฉีกขาดและให้ได้ รับบาดเจ็บสาหัส จนต้องเสียเลือดไปมาก แม้ก่อนเริ่มประเพณีถือศีลกินผักประจำปี สสจ.ภูเก็ตหรือชมรมอ๊าม(ศาลเจ้า) จ.ภูเก็ต ตลอดจนคณะกรรมการของศาลเจ้าทั้ง 25 ศาลเจ้าที่เข้าร่วมพิธีถือศีลกินผักประจำปีจะออกมาเตือนเหล่าม้าทรงห้ามใช้ อาวุธที่อยู่นอกเหนือตำนานประเพณีหรือเกินความเป็นจริงที่ร่างกายมนุษย์จะ รับได้ แต่ยังคงมีม้าทรงไม่เชื่อฟังจนกระทั่งมีผู้บาดเจ็บทุกปี
ที่มา: http://news.sanook.com/1673171/ม้าทรงหวิดดับ-ดาบเสียบแก้มฉีก-ฝืนใช้อาวุธนอกตำนาน